ยิ่งสูง....ยิ่งสู้ แม้ว่าเสียว ๆ ก็ตาม ?

ทิศทางการลงทุน ในตลาดหุ้นไทยระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อไป เนื่องจากดัชนียังคงสามารถทำจุดสูงใหม่ได้บริเวณ เหนือแนวต้านทางด้านจิตวิทยาบริเวณ 550 จุดทำให้เป้าหมายระยะสั้นยังเป็นเป้าหมายที่ถูกขยายออกไปด้วยเหตุผลของสภาพ คล่องในการลงทุนระยะสั้นยังสูง ทั้งนี้เพราะไม่มีใครรู้ว่าดัชนีจะปรับฐานราคาเมื่อไหร่ เพราะสัญญาณยังไม่ชัดเจน แต่นักลงทุนก็มีความพร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน โดยมีการย้ายตัวเล่น และใช้กลยุทธ์ในการติดตามแนวโน้มตลาดอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในทางกลับกันนักลงทุนก็ระมัดระวังและพร้อมที่จะขายหุ้นหนี หากบรรยากาศไม่เป็นใจหรือผิดทิศผิดทาง

กรอบการเคลื่อนไหวของ ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นยังแกว่งตัวในกรอบ 540/530 - 580/600 จุด โดยระยะสั้นคาดว่าความผันผวนของดัชนีจะเริ่มมากขึ้นตามระดับราคาหุ้นที่สูง ขึ้นเช่นกัน และที่สำคัญคือ ดัชนีสูงสุดใหม่นั้น พร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นจุดสูงสุดของรอบได้เสมอ เพราะเป้าหมายที่เปลี่ยนไปเนื่องจากประมาณการที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ในภาคปฏิบัติดัชนีอาจจะไม่ถึงเป้าหมายตามที่คาดการณ์ หรือต่ำกว่าเป้าหมาย หรือสูงกว่าเป้าหมายนั้นเป็นไปได้เสมอ แต่สิ่งที่สำคัญคือ หากการเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาหุ้นและดัชนีนั้น เราทราบการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หรือไม่ และจะจัดการอย่างไรกลับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อให้ได้ประโยชน์ และทำให้การเปลี่ยนแปลงไม่สร้างปัญหากับพอร์ตการลงทุน

สำหรับ จิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นยังค่อนข้างเป็นจิตวิทยาตลาดเชิงบวก แม้ว่าความผันผวนของตลาดจะมากก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าตลาดระยะสั้นจะมีการปรับฐานราคาในตัว เช่น การย้ายตัวเล่น การขายทำกำไร ตลอดจนการลดน้ำหนักการลงทุน หากไม่แน่ใจในทิศทางตลาด แต่ที่สำคัญคือ การจับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทิศทางตลาดที่คาดว่าในระยะแรกนั้น มีความไม่ชัดเจน ดังนั้น จึงต้องมองสมมติฐานว่า พฤติกรรมตลาดอย่างไรสะท้อนว่าผิดทิศผิดทาง ไก่ทองอ้างอิง 1. ดัชนีสูงสุดและต่ำสุดระหว่างวัน หากดัชนีขึ้นไปสูงมาก ๆ และปิดต่ำกว่าดัชนีเปิดมากกว่า 3 - 5 จุด และต่ำกว่าดัชนีสูงสุดประจำวันมากกว่า 2 เท่าให้ตั้งข้อสังเกตเชิงลบ 2.จำนวนหุ้นบวกและจำนวนหุ้นลบ หากตลาดจะดีจำนวนหุ้นบวกควรมากกว่า หุ้นลบ 2/3 หรือมากกว่า 50 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ซื้อขาย แสดงให้เห็นว่าหุ้นจะเลือกที่จะ "ใส่เสื้อเขียว" ไม่ใช่ "ใส่เสื้อแดง" 3.ราคาหุ้นกลุ่มนำตลาดที่มีอิทธิพลต่อทิศทางดัชนีมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับ ข้อ 1 หรือ 2 หรือไม่ หากใช่ แสดงว่าโอกาสที่ตลาดจะไม่ดีเริ่มชัดเจนขึ้น 4. หากราคาหุ้นหน้าแรกของหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายมีความผันผวนมาก คือวิ่งแดนบวกและแดนลบ แต่มีแนวโน้มของการวิ่งในแดนลบมากกว่าแดนบวกแสดงว่าตลาดเริ่มมีแนวโน้มไปทาง ลบ 5. หากมูลค่าการซื้อขายสูงสุด หรือใกล้เคียงมูลค่าสูงสุดที่เคยซื้อขายกันในรอบนั้น ๆ 6. หากตลาดหุ้นต่างประเทศดิ่งเหวถ้วนหน้า ไม่ต้องคิดอะไร เตรียมใส่หลวงพ่อโกยถือเงินสดในหุ้นที่มีกำไร หรือหุ้นที่คิดว่าถือแล้วไม่มีอนาคต เพราะหุ้นกลุ่มนี้เวลาตลาดดีไม่ดี แต่เวลาตลาดไม่ดีก็ไม่ดีตามเขาด้วย

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นคาดว่ายังเน้นการเก็งกำไรในหลักทรัพย์รายตัว ที่คาดว่ายังมีศักยภาพสำหรับการปรับตัวขึ้น ด้วยเหตุผลทั้งด้านสภาพคล่อง โครงสร้างทางเทคนิค และฐานะของกิจการ แต่ระดับราคายังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรืออาจจะยังถูกมองผ่านจากนักเก็งกำไร แต่ที่สำคัญ ควรเป็นหุ้นประเภทที่สามารถสวนกับจิตวิทยาตลาดได้ หากมีความผันผวนเกิดขึ้นระหว่างการซื้อขาย ซึ่งแม้ว่าจะเป็นโจทย์ที่ยากกว่าการเลือกหุ้นประเภทติด Top 40 ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด แต่บ่อยครั้งที่ความสำเร็จอาจจะเกิดขึ้นจากการเลือกหุ้นสำหรับคนที่มองว่า ราคาหุ้นแพงไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่มักจะเกิดขึ้น ในแต่ละภาวะตลาด กล่าวคือ เวลาแนวโน้มตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขึ้น นักลงทุนมักมองจุดต่ำของราคาเป็นจุดอ้างอิง เหมือนรถไฟที่เดินทางออกจากหัวลำโพงขึ้นเหนือแล้ว มาถึงบางซื่อก็ไม่ย้อนกลับไปหัวลำโพงให้คนที่รอขึ้นให้เสียเวลา หากคนที่รออยากไปเชียงใหม่จริง ๆ อาจจะต้องว่าจ้างแท็กซี่ให้วิ่งไปดักหน้ารถไฟที่เชียงราก หรือเปรียบเหมือนกับค่าเงินบาท หรือราคาน้ำมัน ราคาตลาดอยู่ที่ไหน หากคิดจะใช้บริการก็ต้องใช้ราคาตลาด อะไรประมาณนั้น ซึ่งเรื่องอย่างนี้บอกได้เลยว่า "ทำใจลำบาก" แต่หากใจรักก็ต้องตัดสินใจกัน

สำหรับหุ้นที่คาดว่ายังสามารถ หาจังหวะ และโอกาสเสี่ยงในลักษณะกึ่งลงทุนกึ่งเก็งกำไรหากแนวโน้มตลาดยังเป็นใจ แต่หากตลาดไม่เป็นใจก็ถอยมาดูก่อนก็ได้ไม่มีใครบังคับ เพราะซื้อเอง ได้เองเสียเอง ที่สำคัญอย่าเชื่ออะไรโดยไม่มีเหตุผลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน โดยหุ้นที่คาดว่าน่าติดตาม เช่น MCOT BEC CPF CPALL APURE ITD เป็นต้น
0 Responses

Post a Comment